TikTok สหรัฐฯ สั่นสะเทือน! สั่งทีมอีคอมเมิร์ซ WFH คาดประกาศเลิกจ้าง ปรับโครงสร้างรับ “ยุคประสิทธิภาพใหม่”

ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา – มีรายงานว่า TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญภายในหน่วยธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐอเมริกา หรือ TikTok Shop โดยเมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา พนักงานในแผนกดังกล่าวได้รับคำสั่งให้ทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เพื่อรอรับฟัง “การตัดสินใจที่ยากลำบาก” ซึ่งมักเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเลิกจ้างพนักงาน การเคลื่อนไหวนี้ ซึ่งถูกเปิดเผยผ่านบันทึกภายในองค์กร ชี้ให้เห็นว่า TikTok อาจกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและควบคุมต้นทุน ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมทางกฎระเบียบและเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
บันทึกภายในดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่ามาจากนายมู่ ชิง (Mu Qing) ผู้ซึ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้า TikTok Shop ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ระบุถึง “การเปลี่ยนแปลงด้านการปฏิบัติงานและบุคลากร” ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยจะส่งผลกระทบต่อศูนย์ปฏิบัติการอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ และทีมดูแลลูกค้าองค์กรรายใหญ่ระดับโลก (Global Key Accounts Teams) เป้าหมายที่ระบุไว้คือ “การสร้างโมเดลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อการเติบโตในระยะยาวของทีม”
การปรับโครงสร้างครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ TikTok กำลังเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลในสหรัฐอเมริกา แพลตฟอร์มดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะถูกแบน หาก ByteDance บริษัทแม่ในจีน ไม่สามารถขายกิจการในสหรัฐฯ ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ ความท้าทายยังซ้ำเติมด้วยนโยบายการค้าและอัตราภาษีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าจากจีนที่จำหน่ายบนแพลตฟอร์ม ซึ่งมีรายงานว่าทำให้ยอดขายรายวันในสหรัฐฯ จากผู้ขายต่างชาติบน TikTok Shop ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดย Business Insider ตั้งข้อสังเกตว่ายอดขายดังกล่าวลดลงประมาณ 25% เมื่อเทียบเดือนต่อเดือน อันเป็นผลมาจากอัตราภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น
การเลิกจ้างที่คาดการณ์ไว้นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการปรับลดพนักงานในวงกว้างทั่วทั้งอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปี 2568 สำหรับ TikTok การปรับปรุงหน่วยธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ ถือเป็นความพยายามเชิงกลยุทธ์ในการสร้างโมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนในปัจจุบันและขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นทางการ