TikTok เจอปรับ 530 ล้านยูโร! สหภาพยุโรปฟันโทษหนัก กรณีละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ไอร์แลนด์ในฐานะหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหลักของสหภาพยุโรป (EU) สั่งปรับ TikTok เป็นเงิน 530 ล้านยูโร หรือประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังพบว่าแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นรายนี้ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ข้อมูลของผู้ใช้งานในยุโรปได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม ตามข้อกำหนดของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งสหภาพยุโรป หรือ GDPR
❗ ประเด็นสำคัญ:
- ข้อมูลผู้ใช้บางส่วนสามารถเข้าถึงได้จากพนักงานในประเทศจีน
- TikTok ไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลเหล่านั้น ไม่ตกอยู่ในความเสี่ยง จากกฎหมายของจีนที่อนุญาตให้ทางการเข้าถึงข้อมูลได้ในบางกรณี
- หน่วยงานของไอร์แลนด์จึงสั่งให้ TikTok ระงับการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศจีน หากยังไม่สามารถดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อบังคับภายใน 6 เดือน
TikTok ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ByteDance ของจีน แสดงจุดยืนว่า “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” กับคำตัดสิน และเตรียมยื่นอุทธรณ์ โดยอ้างว่าบริษัทได้ใช้ “ข้อสัญญามาตรฐาน” ที่รับรองโดยสหภาพยุโรปเอง และมีมาตรการควบคุมการเข้าถึงจากระยะไกลอย่างเข้มงวด
บริษัทยังชี้ว่า ได้ลงทุนในมาตรการความปลอดภัยด้านข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2023 รวมถึงการใช้ศูนย์ข้อมูลในยุโรปและสหรัฐฯ เพื่อเก็บข้อมูลของผู้ใช้ในภูมิภาคนี้ และย้ำว่า “ไม่เคยได้รับคำร้องขอข้อมูลผู้ใช้จากทางการจีน” เลยแม้แต่ครั้งเดียว
🧩 ข้อมูลที่เพิ่งถูกเปิดเผย:
แม้ตลอดการตรวจสอบที่กินเวลานานกว่า 4 ปี TikTok ยืนยันว่าไม่ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้ในยุโรปไว้ในจีน แต่เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งเปิดเผยว่า พบข้อมูลบางส่วนถูกจัดเก็บในจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้ทำการลบข้อมูลเหล่านั้นออกไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ของ DPC ระบุว่า จะมีการพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมต่อกรณีดังกล่าวอย่างจริงจัง
📌 ประวัติการโดนลงโทษก่อนหน้า:
- ในปี 2023 TikTok ก็เคยถูกปรับ 345 ล้านยูโร กรณีละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ที่เป็นเด็กในยุโรป
- หน่วยงาน DPC ของไอร์แลนด์ยังเคยสั่งปรับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่ง เช่น Microsoft (LinkedIn), Meta และ X (Twitter เดิม) ภายใต้ อำนาจตาม GDPR ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2018
ภายใต้ GDPR หน่วยงานสามารถปรับบริษัทได้สูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลก หากพบว่ามีการละเมิดที่ร้ายแรง
🔍 สรุป:
กรณีนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนสำหรับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่ดำเนินงานข้ามพรมแดนว่า การจัดการข้อมูลผู้ใช้ต้องมีความโปร่งใส และสอดคล้องกับกฎหมายท้องถิ่น อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นอาจต้องเผชิญบทลงโทษมูลค่ามหาศาล